แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาทำนองเดียวกันนี้ศาลเคยมีคำสั่งแล้ว ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 และมาตรา 268 ลงโทษตาม มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 265จำคุก 1 ปี 6 เดือนคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี ฯลฯ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 96)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 99)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265และ 268จำคุก 1 ปี 6 เดือน ลดโทษหนึ่งในสามแล้วคงจำคุก 1 ปีต้องห้ามฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 วรรคแรก ฎีกาของจำเลยที่ว่าจำเลยไม่ได้ปลอมเอกสารหรือใช้เอกสารปลอมและการกระทำของจำเลยไม่เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าไม่ใช่เอกสารราชการนั้น จำเลยไม่ได้ฎีกาโต้เถียงว่าข้อเท็จจริงตามเอกสารที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมานั้นไม่ถือว่าเป็นเอกสารราชการและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อกฎหมายไม่ถูกต้องอย่างไร แต่ฎีกากล่าวอ้างลอย ๆไม่ชัดแจ้งว่าไม่ใช่เอกสารราชการเพราะเหตุใด การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงว่าเอกสารที่ปลอมนั้นเป็นเอกสารราชการหรือเอกสารสิทธิฎีกาส่วนนี้ของจำเลยเท่ากับเป็นการโต้แย้งดุลพินิจ การรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกันศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ยกคำร้อง