แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้มี ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่แก้ไขใหม่ ฎีกาของจำเลยเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยและปรากฏว่าจำเลยมิได้เสียค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกามา จึงไม่มีค่าขึ้นศาลคืนให้จำเลย
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่ต้องห้ามฎีกาและฎีกาของจำเลยเป็นปัญหา ข้อกฎหมายด้วย อนึ่งศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถามาแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาอีก โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 95 แผ่นที่ 2)
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งห้าแบ่งแยกที่ดิน4 ใน 9 ส่วนของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2894 เลขที่ดิน 43 ตำบล(ชีวาน)กระชอนอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ให้แก่โจทก์ทั้งสอง ถ้าไม่สามารถตกลงกันว่าจะแบ่งอย่างไร ให้นำที่ดินทั้งหมดตามหนังสือรับรอง การทำประโยชน์ดังกล่าวขายโดยประมูลราคากันระหว่างโจทก์และจำเลย มิฉะนั้นให้นำออกขายทอดตลาดนำเงินที่ได้แบ่งกันตามส่วน
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 90)
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 92)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ราคาทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ขอแบ่งแยกที่พิพาทหลายครั้งแต่จำเลยไม่ยอมแบ่งถือว่าเป็นการ แย่งการครอบครองอันเป็นข้อกฎหมายนั้น ในข้อนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยครอบครองโดยรับรู้สิทธิของโจทก์อยู่ ฎีกาของจำเลยจึงเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังคำพยาน อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง