แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 15 วัน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาดุลพินิจในการกำหนดโทษ เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า การฎีกาขอให้รอการลงอาญาเป็นฎีกาเกี่ยวกับ บทกำหนดโทษที่ศาลใช้ลงแก่ผู้กระทำความผิดอันเป็นปัญหา ข้อกฎหมายที่สามารถฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ให้จำคุก 1 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 15 วัน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 83)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 84)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยที่ 15 วัน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน นับโทษต่อจากคดีอื่น ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาว่าศาลลงโทษจำเลยหนักเกินไป ขอให้รอการลงอาญา จึงเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจการลงโทษ ของศาล ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกา ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง