คำสั่งคำร้องที่ 770/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องข้อหาฐานรับของโจร จึงต้องห้ามฎีกาข้อหา ดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220รับฎีกาเฉพาะข้อหาฐานลักทรัพย์โจทก์เห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ในกรณีนี้คงหมายความเฉพาะยกฟ้องข้อหาลักทรัพย์เท่านั้น ถือไม่ได้ว่าศาลอุทธรณ์ยกฟ้องข้อหารับของโจรด้วย ข้อหารับของโจรจึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 นอกจากนี้ข้อหารับของโจรถึงแม้ว่าจะมิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ก็ตามแต่ก็ถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เนื่องจากไม่มีเหตุที่โจทก์จะต้องอุทธรณ์ ขอให้ศาลลงโทษในข้อหารับของโจรอีกในเมื่อศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษข้อหาลักทรัพย์ไปแล้ว ฉะนั้นโจทก์จึงมีสิทธิฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ในข้อกฎหมายที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานรับของโจรหรือไม่ ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 38)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,335,357
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 จำคุก 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 6 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาบางข้อดังกล่าว(อันดับ 34)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 38)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษในความผิดฐานลักทรัพย์ เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในข้อหาฐานรับของโจรเมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ในข้อหานี้ กรณีย่อมต้องถือว่า ความผิดฐานรับของโจรได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ฉะนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกาในความผิดฐานรับของโจรนี้อีก ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ในความผิดฐานรับของโจรนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ให้ยกคำร้อง

Share