คำสั่งคำร้องที่ 752/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งมิใช่เป็นการแก้ไขเพียงเล็กน้อย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยจึงยังไม่เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของจำเลย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 36)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ข้อ 56,83 ประกาศผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดิน เรื่อง ห้ามใช้ยานพาหนะโดยที่ยานพาหนะนั้นมีน้ำหนัก น้ำหนักบรรทุกหรือน้ำหนักลงเพลาเกินกว่าที่ได้กำหนดเดินบนทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2519ข้อ 2 ลงโทษปรับ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือนสถานเดียว จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขัง 1 เดือนแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 32)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 36)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษปรับจำเลย 500 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุก 1 เดือนและให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขัง 1 เดือนแทน แม้เป็นกรณีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากก็ตาม แต่ศาลอุทธรณ์คงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษปรับจำเลยสถานเดียวหรือให้รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย เป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share