แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งหกและผู้ค้ำประกันทั้งสองฎีกา หากบังคับคดีไปทันทีย่อมเกิดความเสียหายแก่จำเลยและผู้ค้ำประกันเป็นอย่างมากโปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองแถลงคัดค้าน (อันดับ 280)
ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้ลงโทษจำเลยทั้งหกฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และให้ขับไล่จำเลยทั้งหกและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทกับให้จำเลยทั้งหกร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ปีละ 10,000 บาทนับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจำเลยทั้งหกจะเลิกเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทปรากฏว่าจำเลยทั้งหกไม่ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองตามคำพิพากษาศาลฎีกา โจทก์ทั้งสองจึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินที่ผู้ค้ำประกันทั้งสองนำมาวางไว้เป็นหลักประกันในการขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา
จำเลยทั้งหกและผู้ค้ำประกันทั้งสองยื่นคำร้องว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ออกกฎกระทรวงฉบับที่ 1087(พ.ศ. 2527)ให้ที่ดินซึ่งรวมถึงที่ดินที่พิพาทในคดีนี้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ แล้วจัดแบ่งที่ดินออกเป็นแปลง ๆ เพื่อให้ราษฎรยื่นขอสิทธิทำกินตั้งแต่ปี2528 เป็นต้นไป จำเลยทั้งหกจึงคงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์สำหรับปี 2525(ปีที่กระทำละเมิด) ถึงปี 2527 เป็นเวลา 3 ปีเป็นเงิน 30,000 บาทเท่านั้น ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้วางเงินจำนวนดังกล่าวไว้ต่อศาลแล้ว ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีระงับการขายทอดตลาดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันทั้งสอง และให้ถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าวด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า นับแต่วันที่กฎกระทรวงฉบับที่ 1087(พ.ศ. 2527) มีผลใช้บังคับเป็นต้นไป โจทก์ย่อมหมดสิทธิในที่ดินพิพาทเพราะตกเป็นที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้ว แม้จำเลยทั้งหกจะเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก็เป็นการเข้าไปโดยทางราชการอนุญาต โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งหก นับแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2527 เพราะโจทก์ทั้งสองไม่ใช่เจ้าของที่ดินพิพาทตามฟ้องต่อไปแล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งหกและผู้ค้ำประกันทั้งสอง
จำเลยทั้งหกและผู้ค้ำประกันทั้งสองฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้(อันดับ 276,275)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยหรือผู้ค้ำประกันคนหนึ่งคนใด หาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกามิฉะนั้นให้ยกคำร้อง