คำสั่งคำร้องที่ 73/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์ฎีกาของโจทก์แล้ว ให้รับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายข้อ 5 ของโจทก์ นอกนั้นเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ในข้อ 4 เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการที่ศาลฟังข้อเท็จจริงตามเอกสารหมาย ล.4 ว่า เงินที่นำไปให้บริษัทราษีการลงทุนและเครดิต จำกัด ยืมตามเอกสารหมายล.4 เป็นเงินที่โจทก์ให้บริษัทยืมมาลงทุนในบริษัท ไม่ใช่เงินที่จำเลยให้บริษัทยืมตามที่ระบุไว้ในเอกสารหมาย ล.4 จึงฟังว่าบริษัทเป็นหนี้โจทก์ ไม่ใช่เป็นหนี้จำเลย นั้น เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวนเพราะปรากฏรายละเอียดอย่างชัดแจ้งในเอกสารหมาย ล.4 แล้วว่า บริษัทราษีการลงทุนและเครดิต จำกัด เป็นหนี้จำเลย และฎีกาของโจทก์ในข้อ 6เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์เอาเงินให้บริษัทราษีการลงทุนและเครดิตยืมไปลงทุน จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อค้ำประกันหนี้ที่โจทก์นำไปลงทุนให้กับบริษัทราษีการลงทุนและเครดิต จำกัด ตามที่ศาลได้วินิจฉัยมาแล้ว ฉะนั้น ศาลจึงต้องพิพากษาลงโทษจำเลย ปัญหาข้อกฎหมายทั้งสองข้อดังกล่าวเป็นสาระแก่คดี โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาข้อ 4 และข้อ 6 ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์มีมูล มีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ให้ขังจำเลยไว้ระหว่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 73)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 76)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาข้อ 4 กับข้อ 6 ของโจทก์ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน และคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อเท็จจริงฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share