แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์พิพาทเพียง 108,268 บาท ไม่ถึง 200,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และพิเคราะห์ฎีกาของจำเลยแล้วเป็นฎีกา คัดค้านดุลพินิจของศาลเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกา ส่วนปัญหาข้อกฎหมายเรื่องเขตอำนาจศาลนั้น ปรากฏว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลนี้ และจำเลยก็ต่อสู้คดีมาโดยตลอดมิได้คัดค้านเรื่องเขตอำนาจศาล แต่อย่างใด จึงเป็นข้อกฎหมายที่มิได้ว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้น จึงไม่อาจฎีกาได้ ดังนั้นที่ศาลมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย จึงเป็นกรณีผิดหลง อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ให้เพิกถอนคำสั่งรับฎีกาของจำเลย เป็นไม่รับฎีกา ของจำเลย จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า จำเลยไม่ได้มีภูมิลำเนา อยู่ใน เขตอำนาจศาลชั้นต้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อยของประชาชน และฎีกาข้อ 3 ที่ว่าโจทก์ ไม่ได้เป็นผู้ชี้ช่องให้จำเลยกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เข้าทำสัญญาซื้อขายที่ดิน เพราะสัญญาเกิดขึ้นแต่เวลาเมื่อ คำบอกกล่าวสนองรับซื้อที่ดินเอกสารหมาย ล.2 ไปถึงจำเลย และตรงกับคำเสนอขายที่ดินของจำเลยเอกสารหมาย ล.1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 361 และฎีกาที่ว่า สัญญานายหน้าเอกสารหมาย จ.1 ไม่ครบองค์ประกอบที่จะเป็น นิติกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 149 จึงไม่มีผลบังคับนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 108,268 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงิน 100,714 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเงินเสร็จ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาและต่อมามีคำสั่ง เพิกถอนคำสั่งเป็นไม่รับฎีกาของจำเลยดังกล่าว(อันดับ 71,77) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ โดยไม่ได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 80)
คำสั่ง จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกัน มาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 ก่อน จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ไม่รับฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้จำเลย