คำสั่งคำร้องที่ 678/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 67)
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าฟ้องของโจทก์มีมูลมีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91จำคุกกระทงละ 1 เดือน รวม 3 กระทง จำคุก 3 เดือน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 66)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 67)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาว่าการชำระเงินของจำเลยตามเอกสารหมาย ล.1, ล.2 และ ล.3 ให้แก่โจทก์เป็นการยอมความหรือไม่นั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 ประกอบมาตรา 225 และไม่มีเหตุสมควรจะวินิจฉัย ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share