คำสั่งคำร้องที่ 677/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีโจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ที่โจทก์ฎีกาว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงในสำนวน วินิจฉัยผิดจากพยานหลักฐานในสำนวนพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็น ไม่ได้วินิจฉัยให้ครบประเด็น แม้จะเป็นปัญหาข้อกฎหมายแต่เป็นข้อกฎหมายที่สืบเนื่องมาจากข้อเท็จจริง ต้องอาศัยข้อเท็จจริงเป็นหลักว่าความจริงเป็นอย่างไรเสียก่อน จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามดังกล่าวจึงไม่รับ
โจทก์ที่ 2 เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อกฎหมายดีจึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ที่ 2 ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ต่างได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 91 แผ่นที่ 4,89 แผ่นที่ 7 และที่ 3)เฉพาะจำเลยที่ 1 แถลงคัดค้าน (อันดับ 92)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157,83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลจึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 85)
โจทก์ที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 88)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยได้เสนอความเห็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด คดีจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220ฎีกาของโจทก์ที่ 2 ที่อ้างว่าเป็นข้อกฎหมาย โดยพยายามเขียนให้วกวนแล้วอ้างว่าเป็นข้อกฎหมาย โดยสรุปแล้วโจทก์ที่ 2อ้างว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังมานั้นไม่ถูกต้อง ความจริงต้องฟังอย่างที่โจทก์ที่ 2 ว่า จึงเป็นการโต้แย้งในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ที่ 2 มานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง

Share