แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยในส่วนของข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ส่วนข้อกฎหมายนั้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบมาตรา 225และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 จึงไม่รับฎีกาของจำเลยจำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่า การที่โจทก์มิได้บรรยายในคำฟ้องว่าแม้โจทก์จะยื่นเช็คให้ธนาคารจ่ายเงินตรงตามวันที่ลงในเช็คเงินในบัญชีของจำเลยก็มีไม่พอจ่ายอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 และมาตรา 218โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3กระทงแรกจำคุก 1 เดือน กระทงที่สองจำคุก 3 เดือน เรียงกระทงลงโทษรวมจำคุกจำเลย 4 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 72 แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 74)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยออกเช็ครายพิพาทให้โจทก์เพื่อใช้หนี้เงินยืม ที่จำเลยฎีกาว่าออกเช็ครายพิพาทให้โจทก์เพื่อเป็นประกันเงินที่โจทก์นำมาร่วมกันลงทุนในการค้า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวและที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ยื่นเช็คให้ธนาคารจ่ายเงินตรงตามวันที่ลงในเช็ค และมิได้บรรยายฟ้องว่า แม้โจทก์จะยื่นเช็คต่อธนาคารตามวันที่ลงในเช็ค เงินในบัญชีของจำเลยก็มีไม่พอจ่ายจึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์นั้น ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง