คำสั่งคำร้องที่ 610/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีเรื่องนี้โจทก์หลายคนฟ้องรวมกันมาในคดีเดียวกันเกี่ยวกับหนี้อันอาจแบ่งแยกได้ ต้องคิดแยกตามจำนวนหนี้ที่โจทก์แต่ละคนจะได้รับตามคำพิพากษา เมื่อคำนวณแล้วแต่ละคนไม่เกินคนละสองแสนบาทฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
จำเลยที่ 1 เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสามรวมกัน พร้อมดอกเบี้ยจนถึงวันยื่นฎีกาเกินสองแสงบาทก็น่าจะฎีกาได้แล้ว และกรณีเป็นเรื่องที่โจทก์หลายคนฟ้องรวมกัน ควรต้องถือทุนทรัพย์รวมในคดีทั้งคดีเป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1ไว้ดำเนินการต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 109)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 30,000 บาท ค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ที่ 2จำนวน 79,200 บาท ค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ที่ 3 จำนวน 60,000บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 14กันยายน 2531เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยที่ 1ชำระเงินค่าทำศพแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 20,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 20 กันยายน 2531เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขอนอกจากนี้ให้ยกเสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 99)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 100)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าหนี้ที่โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3ฟ้องเรียกเป็นหนี้อันอาจแบ่งแยกกันได้ จึงต้องถือทุนทรัพย์แยกจากกันตามรายตัวโจทก์ เมื่อจำนวนหนี้ตามสิทธิของโจทก์แต่ละคนไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ

Share