แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ ขอให้ศาลฎีกาปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 42)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 วรรคแรก กระทงหนึ่ง จำคุก2 ปีมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา371 กระทงหนึ่ง โดยให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ฐานมีอาวุธปืนฯ จำคุก 1 ปีฐานพาอาวุธปืนฯ จำคุก 6 เดือน และจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 80 อีกกระทงหนึ่งจำคุกตลอดชีวิต คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน รวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว จำคุก 34 ปี 10 เดือน ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า พิเคราะห์แล้ว ไม่มีเหตุสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งเดิม ไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง (สำนวนธุรการอันดับ 23)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 42)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราว ตีราคาประกัน 300,000บาท (สำนวนธุรการ อันดับ 2)
คำสั่ง
พิเคราะห์ตามพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ยังไม่มีเหตุสมควรให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งชอบแล้ว ไม่อนุญาตให้ยกคำร้อง