แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลย เป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งหมดต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกจึงไม่รับฎีกา จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงชอบที่จำเลยจะยื่นฎีกาต่อศาลได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 39) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43(4),157,162 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี ตามพฤติการณ์ยังไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ ส่วนคำขอที่โจทก์ขอให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ รถยนต์ของจำเลยนั้น ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา จึงให้ยกคำขอ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 35) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 39)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาโต้แย้งเกี่ยวกับดุลพินิจของศาลว่าสมควรรอการลงโทษให้จำเลยนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยอ้างและยื่นต่อศาล เป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ถือได้ว่าเป็นฎีกาดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง