แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ไม่รับฎีกาโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลอุทธรณ์หยิบยกเอาข้อเท็จจริงที่ไม่ตรงกับคำพยานหลักฐานในท้องสำนวนและนอกเหนือจากคำพยานหลักฐานขึ้นมาวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ เป็นการวินิจฉัยคดีไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความอาญา และกฎหมายว่าด้วยพยานหลักฐานโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 ที่ 2 แถลงคัดค้าน (อันดับ 78)
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,83,86
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 73)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 74)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้นทั้งไม่ปรากฏว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือจากพยานหลักฐานในสำนวนอันไม่ชอบต่อการพิจารณาแต่ประการใด ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์