คำสั่งคำร้องที่ 535/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยในประเด็นข้อ 1 ว่า ขณะทำพินัยกรรมนายหอมมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ฎีกาในประเด็นข้อ 2 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกครอบครองที่ดินเพื่อจัดการแบ่งมรดกจำเลยฎีกาว่าครอบครองที่ดินโดยไม่รู้เห็นการทำพินัยกรรมโจทก์ทราบวันเวลาตายของนายหอมแต่ไม่ใช้สิทธิภายในอายุความ จึงขาดอายุความ ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาในประเด็นข้อ 3 เรื่องอายุความฟ้องร้องของโจทก์ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์รู้เห็นการตายของนายหอม แต่โจทก์ก็ไม่ดำเนินการฟ้องร้องแบ่งที่นาพิพาทในฐานะทายาท แต่โจทก์กลับมาฟ้องเป็นคดีนี้เมื่อวันที่10 กรกฎาคม 2533 อันเป็นเวลากว่า 7 ปี หลังจากนายหอมตายปัญหาอายุความข้อนี้จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยชัดแจ้ง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 90แผ่นที่ 2)
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกตามสิทธิ หาก ไม่ดำเนินการก็ให้นำออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาแบ่งให้แก่ โจทก์ทั้งสองตามสิทธิ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยแบ่งที่ดินมรดกของนายหอม ไชยโกฏิตามน.ส.3ก.เลขที่2027ตำบลโพธิ์ศรีอำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เนื้อที่ 21 ไร่ 2 งาน ให้แก่โจทก์ทั้งสองคนละ 1 ใน 6 ส่วน หากไม่สามารถแบ่งได้ก็ให้ขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวนำเงินมาแบ่งให้โจทก์ทั้งสอง ตามส่วนที่โจทก์ทั้งสองมีสิทธิได้รับ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 86)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 89)

คำสั่ง
คดีนี้ ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง ว่า จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายหอม ไชยโกฏิ ได้ครอบครองที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกไว้เพื่อจัดการแบ่งมรดก จึงเป็นการครอบครองแทนทายาทอื่น เมื่อจำเลยยังไม่ได้แบ่งมรดก จึงยังถือว่าอยู่ในระหว่างจัดการแบ่งแก่ทายาท จำเลยฎีกาโต้เถียงว่า ได้เข้าทำนาต่อจากนางซ้อนพี่สาว หลังจากพี่สาวตายแล้ว และครอบครองนานกว่า1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความเป็นทำนองว่าได้ครอบครองทรัพย์เป็นสัดส่วนด้วยเจตนายึดถือเพื่อตน จนได้สิทธิครอบครองไม่ได้ครอบครองแทนทายาท จึงเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share