แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่ารับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ยกเว้นอุทธรณ์ข้อ 2.4 และข้อ 3เป็นอุทธรณ์นอกเหนือไปจากที่จำเลยที่ 3 ให้การต่อสู้คดีไว้ทั้งมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลางต้องห้ามอุทธรณ์ จึงไม่รับ
จำเลยที่ 3 เห็นว่า อุทธรณ์ข้อ 2.4 เป็นข้ออุทธรณ์ที่จำเลยที่ 3 ได้ให้การต่อสู้คดีไว้แล้ว ทั้งได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลางด้วย นอกจากนี้ยังเป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนซึ่งศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองอยู่แล้วส่วนอุทธรณ์ข้อ 3 ในเรื่องฟ้องซ้อน แม้จำเลยที่ 3 จะมิได้ให้การต่อสู้คดีเป็นประเด็นไว้ แต่ในทางพิจารณาจำเลยที่ 3และจำเลยอื่นก็ได้นำสืบในประเด็นนี้จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ทั้งยังเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 3จะไม่ยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นพิจารณาได้โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ข้อ 2.4 และข้อ 3 ของจำเลยที่ 3ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 140)
คดีของศาลแรงงานกลางหมายเลขแดงที่ 6743/2531 นี้ศาลแรงงานกลางสั่งรวมพิจารณาพิพากษาเข้ากับคดีอื่นอีก 1 สำนวนโดยให้เรียกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3ตามลำดับ
ศาลแรงงานกลางพิพากษา ฯลฯ ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 927,200 บาท และดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง76,779.74 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน927,200 บาท นับแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2530ซึ่งเป็นวันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งรับอุทธรณ์บางข้อและไม่รับบางข้อดังกล่าว(อันดับ 127)
จำเลยที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 129)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ข้อ 2.4 ได้คัดค้านว่าจำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดตามจำนวนเงินในเช็ค 2 ฉบับเป็นเงิน407,000 บาท ซึ่งจำเลยที่ 3 ลงชื่อรับรองไว้ ที่ศาลแรงงานกลางให้จำเลยที่ 3 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ในเงินจำนวน 927,200 บาท จึงคลาดเคลื่อนนั้น มีผลเป็นการขอให้ศาลฎีการับฟังถึงผลและจำนวนเงินที่จำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดเป็นอุทธรณ์โต้เถียงการฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่ฟังว่าจำเลยที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อไม่ควบคุมกำกับดูแลตรวจสอบโดยใช้ความระมัดระวังตามสมควรเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ทุจริตเบียดบังยักยอกเงินของโจทก์ไปอันเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ข้อนี้ชอบแล้ว สำหรับอุทธรณ์ข้อ 3 ในปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีอาญาหมายเลขดำที่1807/2530 ของศาลแขวงพระนครเหนือซึ่งพนักงานอัยการโจทก์ได้มีคำขอส่วนแพ่งใต้ให้จำเลยที่ 3 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ซึ่งเป็นเงินรายเดียวกับคดีนี้ไว้แล้วหรือไม่นั้นเป็นข้อกฎหมายจึงให้รับอุทธรณ์ข้อ 3 ของจำเลยที่ 3 ให้ศาลแรงงานกลางดำเนินการต่อไปแล้วรีบส่งสำนวนคืนศาลฎีกา