แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ตามที่ศาลฎีกาได้สั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วม โดยคำสั่งคำร้องลงวันที่ 26 ตุลาคม 2530 นั้นโจทก์ร่วมขอคัดค้านว่าคำสั่งของศาลฎีกาดังกล่าวเป็นคำสั่งที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และพระธรรมนูญศาลยุติธรรมในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้เกิดให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมความสงบเรียบร้อยของประชาชนในการพิจารณาคดี โดยนายเฉลิมการปลื้มจิตต์ ซึ่งร่วมพิจารณาคำร้องของโจทก์ร่วมดังกล่าวเคยสั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 2 มกราคม 2528ของโจทก์ร่วมโดยคำสั่งคำร้องของศาลอุทธรณ์ที่ 1788/2528 ลงวันที่27 พฤษภาคม 2528 มาก่อน เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 11(5)มาตรา 12 และมาตรา 13 นอกจากนี้ ศาลฎีกาชอบที่จะพิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ตามขั้นตอนว่ามีการรับฟังพยานหลักฐานนอกสำนวนเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความหรือไม่ ไม่ชอบที่จะพิจารณาถึงขั้นพิจารณาในปัญหาข้อเท็จจริงว่าเป็นดุลพินิจของศาลในรับฟังพยานหลักฐานซึ่งชอบที่จะพิจารณาในชั้นพิจารณาคดี และชอบที่จะพิจารณาสั่งในข้อที่โจทก์ร่วมอุทธรณ์ทุกข้อ ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาสั่งคำร้องดังกล่าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเสีย แล้วมีคำสั่งใหม่ต่อไป
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358,83,91 ฯลฯ
ระหว่างพิจารณา นายสมพันธ์ น้อยสง่า ผู้เสียหาย ขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต และต่อมาโจทก์ร่วมขอแก้เพิ่มเติมฟ้องเป็นว่าขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,362,365,83,91 ฯลฯ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อหาบุกรุกส่วนข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ไม่รับฎีกา (อันดับ 124)
โจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง (อันดับ 126)
ศาลฎีกาสั่งคำร้องดังกล่าวของโจทก์โดยคำสั่งคำร้องของศาลฎีกาที่ 1292 พ.ศ. 2530 ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2530 และส่งไปยังศาลชั้นต้นเพื่ออ่านให้คู่ความฟัง (อันดับ 137)
ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งคำร้องของศาลฎีกาดังกล่าวให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2530(อันดับ 138)
โจทก์ร่วมยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งว่ารีบส่งคำร้องและสำนวนไปศาลฎีกาเพื่อได้โปรดพิจารณา (อันดับ 141)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว แม้ผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะในคำสั่งศาลฎีกาลงวันที่ 26 ตุลาคม 2530 ได้เคยสั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งคดีเดียวกันนี้ในชั้นอุทธรณ์มาแล้วก็ตาม แต่การสั่งคำร้องในชั้นอุทธรณ์ดังกล่าว มิใช่การพิจารณาพิพากษาคดี และมิใช่การนั่งพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(9),11(5)ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิคัดค้าน ให้ยกคำร้อง