คำสั่งคำร้องที่ 50/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับรองฎีกา ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกา ข้อกฎหมายด้วย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยก และโอนที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 28476 ตำบลท่าหลวง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมาเนื้อที่ 15 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา ตาม แผนที่สังเขปท้ายฟ้องแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติ ตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียม ในการแบ่งแยกและจดทะเบียนโอนกึ่งหนึ่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 107)
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา เกินกำหนด 15 วันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ให้ส่ง สำนวนไปศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง (อันดับ 118)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยยื่นฎีกาวันที่ 17 กันยายน 2535ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาวันที่ 3 ธันวาคม 2535 ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งไม่รับฎีกาของศาลชั้นต้นในวันใดการที่จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาใน วันที่ 24 ธันวาคม 2535 จึงถือไม่ได้ว่า จำเลยยื่นเกินกำหนด 15 วัน แต่อย่างไรก็ตาม ข้อที่จำเลยอ้างว่า ฎีกาข้อ 2(ก)(ข)และ(ค) เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายนั้นเห็นว่า แม้ฎีกา ของจำเลยดังกล่าวจะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควร ได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249จึงให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share