แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้วไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายสำคัญอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา กล่าวคือได้ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยคดีโดยฝ่าฝืนจากคำพยานหลักฐานในคดี โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เลขที่ 1 เลขที่ดิน 1ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย เนื้อที่5 ไร่2 งาน 10 ตารางวา ระหว่างจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเปล่ง ไชโย กับจำเลยในฐานะผู้รับมรดก ฉบับลงวันที่28 พฤษภาคม 2530 และให้นำที่ดินแปลงดังกล่าวมาแบ่งปันให้แก่โจทก์ที่ 1 เนื้อที่ 3 ไร่ 5 เศษ 45 ส่วน 100 ตารางวาให้แบ่งปันแก่โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7 เนื้อที่คนละ 1 งาน เศษ 45ส่วน 100 ตารางวา หากไม่สามารถนำมาแบ่งปันได้ให้นำออกขายทอดตลาดในระหว่างทายาทก่อน หากขายไม่ได้ให้นำ ออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาแบ่งปันแก่โจทก์ทั้งเจ็ดตามส่วนที่ โจทก์ทั้งเจ็ดมีสิทธิได้รับ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 111)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 117)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้เป็นคดีฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนและขอแบ่งมรดกเป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ แม้มีคำขอซึ่งมีทุนทรัพย์รวมอยู่ด้วย คดีก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงให้รับฎีกาจำเลย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป