คำสั่งคำร้องที่ 454/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าพยานจำเลยไม่มีน้ำหนักพอฟังว่าทายาทคนอื่น ๆ ตกลงให้จำเลยใส่ชื่อในที่ดินมรดกเป็นชื่อจำเลยแต่ผู้เดียว และการที่จำเลยนำที่ดินดังกล่าวไปจำนองธนาคารแล้วไม่ชำระหนี้เป็นการกระทำโดยทุจริต การที่จำเลยฎีกาว่า ทายาททุกคนยินยอมให้จำเลยใส่ชื่อในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อจำเลยแต่ผู้เดียว แล้วนำที่ดินไปจำนองธนาคาร จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิด 2 กระทง จำคุกกระทงละ6 เดือน รวม 12 เดือน และศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว จำคุก 6 เดือน จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังคงลงโทษจำเลยไม่เกินกำหนดดังกล่าว แม้จะเป็นการแก้ไขมากแต่มิได้เพิ่มเติมโทษจำเลย จึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและมีทางชนะคดีเป็นอย่างยิ่ง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 77,78)
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91,352,353,354
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 353 ประกอบด้วยมาตรา 354 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษกระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทง เป็นโทษจำคุก รวม 12 เดือน
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ลงโทษจำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 75)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 76)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาว่าทายาททุกคนยินยอมให้จำเลยใส่ชื่อจำเลยคนเดียวในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินมรดกแล้วตกลงให้นำที่ดินไปจำนองธนาคาร เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share