แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว แต่จำเลยเห็นว่า ประเด็นค่าเสียหาย (อันเป็นประเด็นข้อ 4 โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายหรือไม่เพียงใด) คู่ความได้ตกลงสละแล้วทั้งสิ้น ไม่ติดใจกันอีก ทั้งตามคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับนี้ในหน้าที่ 3 ก็ปรากฏว่าคู่ความตกลงสละแล้วด้วย และอุทธรณ์ของโจทก์ก็มิได้ อุทธรณ์ขอบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท ด้วยแต่อย่างใด การที่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยต้องรับผิด ในประเด็นค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาทนี้อีก จำเลยจึงมี ความสงสัยขอศาลฎีกาได้โปรดอธิบายคำพิพากษาศาลฎีกาในส่วนนี้ ให้ด้วย หากเป็นข้อผิดพลาด จำเลยเห็นว่าน่าจะเป็นข้อผิดพลาด เล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย ขอศาลได้โปรดพิจารณาแก้ไขให้ด้วย หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้จำเลยรื้อถอนรั้วและสังกะสีตลอดจนอาคารที่สร้างขึ้นในที่พิพาทซึ่งโจทก์มีสิทธิใช้สอยตามสัญญาหย่าออกไปและปรับสภาพที่ดินให้ดีดังเดิมแล้วส่งมอบ ให้โจทก์ และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินส่วนนี้อีก กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท แก่โจทก์ ส่วนคำขอ ที่ให้โจทก์ดำเนินการบังคับคดีโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย นั้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ ซึ่งกำหนดให้เป็นอำนาจของ เจ้าพนักงานบังคับคดี ให้ยกคำขอส่วนนี้ ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 53)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 23 ธันวาคม 2534 โจทก์ จำเลย ร่วมกันแถลงสละประเด็นข้อ 1 ข้อ 3 และข้อ 4 ให้วินิจฉัยเพียงปัญหาข้อกฎหมายในประเด็นข้อ 2 เพียงข้อเดียว หากหนังสือสัญญาหย่าข้อ 2.4ท้ายฟ้องเป็นโมฆะโจทก์ยอมแพ้คดี หากไม่เป็นโมฆะ จำเลยยอมแพ้คดีฉะนั้นเมื่อศาลฎีกาฟังว่า หนังสือสัญญาหย่าข้อ 2.4ท้ายฟ้องไม่เป็นโมฆะ จำเลยต้องยอมแพ้คดีโจทก์ตามคำท้าเมื่อจำเลยแพ้คดี ศาลฎีกาชอบจะพิพากษาให้เป็นไปตามคำขอ ท้ายคำฟ้อง (เฉพาะในส่วนที่ไม่ขัดกับบทกฎหมาย) ซึ่งคำขอ ท้ายคำฟ้องข้อ 2 โจทก์ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท แก่โจทก์ ศาลฎีกาพิพากษาตรงตามคำท้าของโจทก์จำเลย ดังกล่าวแล้ว กรณีไม่มีข้อผิดพลาดที่ต้องพิจารณาแก้ไข ให้ยกคำร้อง