แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การขอทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 ต้องเป็นกรณีที่ยังไม่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาไม่ว่าของศาลใด การที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 แล้ว จึงเป็นการขอให้งดการบังคับคดีตามมาตรา 292(2) ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะมีคำสั่ง
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 3,574,200 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 27 พฤษภาคม2533 จนกว่าชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยกำหนดให้จำเลยที่ 1 หากประกันมาวางต่อศาล แต่จำเลยที่ 1 ไม่นำหลักประกันมาวางศาลภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด โจทก์จึงขอให้ศาลหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ทุเลาการบังคับ
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “การขอทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 นั้น ต้องเป็นกรณีที่ยังไม่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาไม่ว่าของศาลใดปรากฏตามคำร้องและคำคัดค้านว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 แล้ว การที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องเข้ามา จะถือว่าเป็นการขอทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่ได้แต่เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ขอให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะมีคำสั่งว่ามีเหตุสมควรให้งดการบังคับคดีไว้หรือไม่ จึงให้ส่งคืนศาลชั้นต้นเพื่อพิจารณาสั่งคำร้องของจำเลยที่ 1 ต่อไป”