แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลภาษีอากรกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์ในประเด็นข้อ 1 เป็นการโต้แย้งว่า โจทก์เป็นผู้ชำระ ค่าภาษีโรงเรือนให้จำเลยแทนเจ้าของทรัพย์สินซึ่ง ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า เจ้าของทรัพย์เป็นผู้ชำระค่าภาษี ส่วนโจทก์เพียงแต่ชำระเงินให้แก่เจ้าของทรัพย์ตามสัญญาเช่า อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ ปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสีย และเป็นผู้รับ การประเมิน จึงมีอำนาจฟ้อง เมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์พิพาท ไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 25 ส่วนอุทธรณ์ในประเด็นข้อ 2 เป็นปัญหาข้อเท็จจริง และศาลภาษีอากรกลางยังมิได้วินิจฉัย ปัญหานี้ จึงไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งหมด คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้โจทก์ โจทก์เห็นว่า คดีนี้ ในชั้นชี้สองสถาน ศาลได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เป็น 2 ข้อ คือ โจทก์มีอำนาจฟ้อง เพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือไม่ และการประเมินของจำเลยและคำชี้ขาดของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โจทก์เห็นว่าในประเด็นข้อพิพาทข้อ 1 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย และในประเด็นข้อพิพาทข้อ 2 เป็นข้อเท็จจริงที่ได้ว่ากล่าวกันมา ในระหว่างการสืบพยานของศาลชั้นต้น ดังนั้น หากศาลฎีกา วินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องในประเด็นข้อ 1 ก็ชอบ ที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยประเด็นพิพาทข้อ 2 พร้อมกันไปทีเดียว โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 43) โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือแจ้งการประเมิน (แบบ ภ.ร.ด.8) ฉบับลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2536 และให้เพิกถอนคำชี้ขาด (แบบ ภ.ร.ด.11) ฉบับลงวันที่ 28 ธันวาคม 2536 และให้จำเลย คืนเงินให้แก่โจทก์จำนวน 44,510 บาท ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 38) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 41)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว โจทก์อุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินรายนี้ จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้าม ซึ่งทำให้อุทธรณ์ข้อที่สอง ของโจทก์ตกไปด้วย ศาลภาษีอากรกลางไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ ชอบแล้ว ยกคำร้อง