คำสั่งคำร้องที่ 313/2541

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การพิจารณาว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ ศาลฎีกาวินิจฉัยหรือไม่นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221 บัญญัติให้เป็นดุลพินิจโดยเฉพาะของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณา หรือลงชื่อในคำพิพากษา หรือทำความเห็นแย้งในศาลล่างทั้งสอง จำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาใช้ดุลพินิจดังกล่าวไม่ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 จำคุก 6 ปีจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้วางโทษจำคุก 2 ปีลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้รับรองฎีกา ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า ข้อความที่ตัดสิน นั้นไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด ไม่อนุญาตให้ฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นจึงไม่รับฎีกา จำเลย ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา
ศาลฎีกาสั่งว่า “การพิจารณาว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยหรือไม่นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 บัญญัติ ให้เป็นดุลพินิจโดยเฉพาะของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดี หรือ ลงชื่อในคำพิพากษา หรือทำความเห็นแย้งในศาลล่างทั้งสอง จำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาใช้ดุลพินิจดังกล่าวไม่ได้ ให้ยกคำร้อง”

Share