แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย ถือเป็นการอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์โจทก์เห็นว่า โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า พฤติการณ์ของจำเลยที่เลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมโปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 68)
ศาลแรงงานกลางพิพากษา ให้จำเลยจ่ายเงินจำนวน 1,575 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นให้โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว(อันดับ 65)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 66)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์อุทธรณ์ข้อ 2.1 ว่า โจทก์เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจมีสิทธิที่จะทำงานกับจำเลยได้จนอายุครบ60 ปีบริบูรณ์ ตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 มาตรา 9(2) และ 11 ประกอบกับระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลย หมวดที่ 10 ข้อ 10.2 ข.(6)และหมวดที่ 11 ข้อ 11.4(1) การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมนั้น เป็นอุทธรณ์ในการแปลความของกฎหมายและระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลย จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมาย ที่โจทก์อุทธรณ์ในข้อ 2.2 ว่า ตามระเบียบข้อบังคับฯหมวดที่ 10 ข้อ 10.2 ก กำหนดวิธีการเลิกจ้างในกรณีคนล้นงานว่าเป็นกรณีที่ต้องยุบหน่วยงาน เมื่อจำเลยไม่ได้ยุบหน่วยงานใดการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมนั้นเห็นว่าระเบียบข้อบังคับฯ ตามที่โจทก์อ้างมานั้นไม่ตรงกับรูปคดี ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์โจทก์ข้อนี้ชอบแล้วส่วนอุทธรณ์ข้อ 2.3 ถึง 2.5 เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์จึงให้รับอุทธรณ์โจทก์เฉพาะข้อ 2.1 แล้วดำเนินการต่อไป