คำสั่งคำร้องที่ 294-299/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ทั้งห้าฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้โจทก์ทั้งห้าฟ้องเริ่มต้นคดีเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ จำเลยทั้งห้าต่อสู้กรรมสิทธิ์ทำให้คดีกลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์ คดีนี้ทุนทรัพย์พิพาทไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาใน ข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ที่แก้ไขแล้ว ฎีกาของโจทก์ทั้งห้าโต้แย้งดุลพินิจในการ รับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและวินิจฉัยคดีผิดไปจากหลักฐานในคดีเช่นนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายได้โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ จำเลยทั้งห้ายังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีทั้งห้าสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยให้เรียกโจทก์สำนวนที่ 1 และที่ 2 เป็นโจทก์ที่ 1 โจทก์สำนวนที่ 3ถึงที่ 6 เป็น โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ตามลำดับ
โจทก์ทั้งห้าฟ้องขอให้จำเลยทั้งห้าเพิกถอนที่ดินของโจทก์ทั้งห้าออกจากที่ดินราชพัสดุ กระทรวงการคลัง ภายใน7 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาจำเลยทั้งห้า ยื่นคำให้การและฟ้องแย้งกับแก้ไขฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ทั้งห้าและบริวารรื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขที่ชร 1190ของจำเลยที่ 1 และให้โจทก์ทั้งห้าชำระค่าเสียหายเดือนละ 187 บาท,189 บาท,93 บาท,334 บาท และ 82 บาทตามลำดับแก่จำเลยที่ 1นับแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2531 ไปจนกว่าโจทก์ทั้งห้าและบริวารจะออกจากที่ดินดังกล่าว ยกฟ้องโจทก์ ทั้งหกสำนวนและฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขดำที่ 1025/2533 คำขออื่นของจำเลยที่ 1นอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งห้าฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 184)
โจทก์ทั้งห้าจึงยื่นคำร้องนี้ โดยมิได้นำเงินมาชำระตาม คำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 190)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาโจทก์ทั้งหกสำนวนในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องแย้งโจทก์ทั้งห้ายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา โดยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยคำร้องในส่วนนี้ ส่วนฎีกาของโจทก์ทั้งหกสำนวนในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องนั้น เห็นว่าเหตุที่โจทก์ทั้งห้าอ้างมาในฎีกาเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อนำไปสู่ ข้อกฎหมายเท่านั้นจึงเป็นการฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share