แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยฎีกาคัดค้านว่า มูลหนี้ตามเช็คเป็นมูลหนี้กู้ยืมเงินที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ซึ่งไม่สามารถบังคับได้ตามกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 จึงเป็นเรื่องที่จำเลยฎีกาคัดค้านในปัญหาว่า เช็คที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเช็คชำระหนี้ตามสัญญากู้ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าว ในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และการฎีกาของจำเลยเป็นการปิดปัญหาข้อเท็จจริงไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นเรื่องที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงนั่นเอง ฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า เช็คพิพาทมิใช่เช็คที่เกิดจากมูลหนี้กู้ยืมเงินดังที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยสั่งไว้แต่อย่างใด แต่เป็นการออกเช็คเพื่อแลกเงินสดซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดแบบเอาไว้จึงต้องใช้บทบัญญัติกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง คือ มาตรา 653 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่เมื่อโจทก์ไม่ได้มีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดง มูลหนี้ในการออกเช็คพิพาทสามารถบังคับได้ ตามกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ของประชาชน ซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดที่ผู้ออกเช็คจะต้องรับผิด ในทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 หาใช่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 81)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง ในชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ แต่ต่อมากลับให้การใหม่ เป็นรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พุทธศักราช 2497 มาตรา 3ให้จำคุก 10 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 เดือน
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 76)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ )
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 5 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ที่จำเลยฎีกาว่า เช็คพิพาทไม่ใช่เช็คที่เกิดจากมูลหนี้กู้ยืม แต่เป็นการออกเช็คเพื่อแลกเงินสด เมื่อโจทก์ไม่ได้มีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดงมูลหนี้ในเช็คพิพาทจึงเป็นหนี้ที่ไม่อาจบังคับกันได้ตามกฎหมายนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ให้ยกคำร้อง