แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องจากจำเลยยื่นคำแก้ฎีกาของโจทก์ และโจทก์ร่วมแล้ว แต่จากคำฟ้องของโจทก์บรรยายแต่เพียง ว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ โดยมิได้ระบุว่าเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย กล่าวคือ โจทก์ได้บรรยายฟ้องในข้อ 1 แต่เพียงว่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2533เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลย ได้บังอาจออกเช็คธนาคารเอเซีย จำกัด สาขาสุขสวัสดิ์ เลขที่ 3042364 ลงวันที่สั่งจ่าย 1 เมษายน 2534 จำนวนเงิน 250,000 บาท ให้แก่นายอภิชัยกิจไกรกล ผู้เสียหาย เพื่อเป็นการชำระหนี้ อันเป็นการบรรยายฟ้อง ที่ขาดองค์ประกอบของความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วย ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และโดยนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2133/2537 เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายอันเป็นปัญหา เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเป็นประเด็น สำคัญแห่งคดีได้เสร็จสิ้นไปจากศาลโดยเร็ว ขอศาลฎีกา ได้โปรดวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย แล้วพิจารณา พิพากษายกฟ้องโจทก์
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่า โจทก์หรือโจทก์ร่วมลงชื่อรับสำเนาคำร้องไว้ข้างคำร้อง (อันดับ 114)
ระหว่างพิจารณา นายอภิชัยกิจไกรกล ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ลงโทษจำคุก 8 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา (อันดับ 106,105)
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 114)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าการขอให้ศาลวินิจฉัย ชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความจะต้องยื่น คำขอระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นเป็นผู้สั่ง จำเลยจะยื่นคำขอต่อศาลฎีกาไม่ได้ ให้ยกคำร้อง