แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องจากจำเลยทั้งสามตกลงกับโจทก์ปรากฏรายละเอียดตามสำเนาสัญญาประนีประนอมยอมความท้ายคำร้อง จำเลยทั้งสามไม่ติดใจจะดำเนินคดีนี้อีกต่อไป จึงขอถอนฎีกา โปรดอนุญาต
หมายเหตุ โจทก์แถลงท้ายคำร้องไม่คัดค้าน (อันดับ 87)ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชำระหนี้แก่โจทก์จำนวน 1,567,930.70 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี จากต้นเงิน 1,546,951.50 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสามจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์อัตราร้อยละสิบห้าต่อปีในต้นเงิน 1,546,950.50 บาทนับแต่วันที่ 1 มกราคม 2530 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดชำระหนี้ตามสัญญารับสภาพหนี้ ไปจนถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2530 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ได้รับชำระหนี้อีก 300,000 บาท และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์ 1,246,951.50 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี นับแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2530 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ(อันดับ 81,80)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ยื่นคำร้องดังกล่าวโดยทนายจำเลยที่ 1ถึงที่ 3 ซึ่งมีอำนาจถอนฟ้องลงชื่อในคำร้อง (อันดับ 87,14แผ่นที่ 1 ถึงที่ 3)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้จำเลยทั้งสามถอนฎีกาได้ คืนค่าขึ้นศาลให้จำเลยทั้งสาม 3 ใน 4 จำหน่ายคดีของจำเลยทั้งสามออกเสียจากสารบบความศาลฎีกา