คำสั่งคำร้องที่ 2749/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ที่ผู้ร้องฎีกาโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ มิได้นำสืบเพื่อรับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานกฎหมาย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127ก็ดี มิได้นำสืบว่าหลวงอรรถวิจิตจรรยารักษ์มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทลูกหนี้ (จำเลย) หรือไม่ก็ดี มิได้นำสืบถึงระเบียบการโอนหุ้นในบริษัทลูกหนี้ (จำเลย) ก็ดี ล้วนเป็นการโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ดังนั้น เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกาของผู้ร้อง
ผู้ร้องเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องและผู้คัดค้านมิใช่คู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ปัญหาว่าผู้ร้องและผู้คัดค้านจะเป็นคู่ความหรือไม่ย่อมเป็นข้อกฎหมาย เมื่อผู้คัดค้านไม่นำสืบว่าเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 127 ก็รับประโยชน์ตามข้อสันนิษฐานของบทมาตราดังกล่าวไม่ได้โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของผู้ร้องไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รับคำร้องแล้ว(อันดับ 55)
คดีสืบเนื่องจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือแจ้งยืนยันให้ผู้ร้องนำเงินค่าหุ้นบริษัทจำเลย จำนวน 37,500 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยไปชำระต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลว่า ผู้ร้องไม่เคยเป็นผู้ถือหุ้นหรือได้รับโอนหุ้นในบริษัทจำเลยหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับผู้ร้องในเรื่องการถือหุ้นหรือรับโอนหุ้นเป็นหลักฐานปลอมทั้งสิ้น ผู้ร้องไม่ได้เป็นหนี้หรือค้างชำระเงินค่าหุ้นหรือเงินจำนวนใด ๆ ขอให้มีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ให้ผู้ร้องชำระเงินจำนวน 44,188.35 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี คิดจากต้นเงินจำนวน 37,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 51)ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 52)

คำสั่ง
คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกที่ผู้ร้องฎีกาว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้นำสืบเพื่อรับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ก็ดี มิได้นำสืบว่าหลวงวิจิตรจรรยารักษ์มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทลูกหนี้(จำเลย) ก็ดี หรือมิได้นำสืบถึงระเบียบการโอนหุ้นในบริษัทลูกหนี้ก็ดี ล้วนเป็นการฎีกาเพื่อมิให้ฟังว่า ผู้ร้องได้รับโอนหุ้นของบริษัทลูกหนี้มาและค้างชำระค่าหุ้นอยู่บางส่วน จึงเป็นการฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายที่กล่าวแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาผู้ร้องชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share