แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องจากคดีตกลงกันได้แล้ว โดยนายสุมิตรนุรักษ์และนายวิศาลวัชราภรณ์ ยินยอมชำระหนี้แทนทั้งหมด และต่างฝ่ายไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายอย่างใด ๆ อีกต่อไป โจทก์ขอถอนฟ้องฎีกาและขอถอนการยึดทรัพย์รายนี้ โปรดอนุญาตและมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
หมายเหตุ ผู้ร้องแถลงท้ายคำร้องไม่คัดค้าน (สำนวนร้องขัดทรัพย์ที่ 3 อันดับ 182)
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ในฐานะทายาทของนายศิริเลาหกุลจิตต์ ผู้ตาย และหรือจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายศิริเลาหกุลจิตต์ ผู้ตาย ชำระหนี้ตามสัญญากู้ให้โจทก์ แต่ทั้งนี้ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่จำเลยทั้งสองแต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านเลขที่ 230/2 ถนนราชวิถี ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พร้อมสิทธิการเช่าที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของผู้ตาย ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องซื้อบ้านเลขที่ 230/2 จากนางจินดาสมิตนาวิน เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2529 ในราคา 140,000บาท และทำสัญญาเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อันเป็นเวลาภายหลังที่ผู้ตายได้ตายไปกว่า 2 ปีแล้ว ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด จำเลยที่ 2 และโจทก์แถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยบ้านเลขที่230/2 ถนนราชวิถีตำบลคลองกระแชง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรีคืนแก่ผู้ร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างพิจารณา ผู้ร้องถึงแก่กรรม นางสาวรัฐิยาเลาหกุลจิตต์ผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนนางสมโภชน์ ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา (สำนวนร้องขัดทรัพย์ที่ 3 อันดับ 166)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
โจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าวโดยทนายโจทก์ผู้มีอำนาจถอนฟ้องลงชื่อท้ายคำร้อง (สำนวนร้องขัดทรัพย์ที่ 3 อันดับ 182,12)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้โจทก์ถอนฎีกาได้และถอนการยึดจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความศาลฎีกา คืนค่าขึ้นศาลให้สามในสี่