แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์ ชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้วฎีกาจำเลยในข้อ 1 เป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับ รับฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อ 2
จำเลยเห็นว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังเป็นยุติว่าเป็นเรื่องการกู้ยืมเงินคงเหลือเพียงปัญหาการแปลความในข้อสัญญา ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แปลความต่างกันเท่านั้น ดังนั้น การแปลความในสัญญาตามฎีกาในข้อ 1 จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย หาใช่ปัญหาข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในคำฟ้อง ฎีกาของจำเลยไม่ จำเลยมีสิทธิที่จะฎีกาได้ โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 67)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนสิทธิการเช่าอาคารแผงลอยร้านค้าเลขที่ 78/115 ตำบลบางตลาดอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี กลับคืนให้โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระต้นเงินกู้จำนวน 70,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราชั่งละ 1 บาท ต่อเดือนนับแต่วันทำสัญญาจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาบางข้อดังกล่าว(อันดับ 57)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 62)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ข้อโต้เถียงตามฎีกาข้อ 1 ของจำเลยที่ว่าโจทก์มีเจตนาโอนสิทธิการเช่าร้านค้า (แผงลอย) พิพาทให้แก่จำเลย โดยเด็ดขาด เพื่อตอบแทนการที่จำเลยยอมให้โจทก์กู้ยืมเงิน จำนวน 70,000 บาท ไม่ใช่โอนเป็นการชั่วคราวเพียงเพื่อเป็นประกัน การกู้ยืมเงินที่โจทก์มีต่อจำเลย เป็นข้อโต้เถียงในข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน สองแสนบาท ห้ามมิให้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้น ไม่รับฎีกาข้อ 1 ของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง