แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่าพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามอุทธรณ์ไม่รับอุทธรณ์
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 เห็นว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนซึ่งคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริง และที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์คือนายสุพัฒน์อุปนิกขิต นั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งโจทก์ได้ยื่นคำแถลงคัดค้านไว้แล้วโจทก์จึงชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนี้ได้ อุทธรณ์ของโจทก์นี้เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 57)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรับโจทก์ทั้งสี่เข้าทำงานเดิมต่อไปหากจำเลยไม่สามารถปฏิบัติได้ ให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสี่เป็นเงินทั้งสิ้น 9,200,848 บาท
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์คือนายสุพัฒน์อุปนิกขิต และทนายโจทก์ได้แถลงคัดค้านไว้แล้ว
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 54)
ทนายโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 55)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าอุทธรณ์ข้อ 1 ที่ขอให้สืบพยานโจทก์ที่ศาลแรงงานกลาง มีคำสั่งให้งดสืบเป็นอุทธรณ์ดุลพินิจของศาลแรงงานกลางอันเป็นข้อเท็จจริงส่วนอุทธรณ์ข้อ 2 และ 3 มีข้อความต่อเนื่องจากข้อ 1 ที่ว่าหากฟังว่าจำเลยมิได้ประสบภาวะการขาดทุน การเลิกจ้างของจำเลยเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมซึ่งเป็นอุทธรณ์โต้แย้งในข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง