คำสั่งคำร้องที่ 26/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาโจทก์ร่วมทุกข้อเป็นปัญหาข้อเท็จจริงแต่โจทก์ร่วมบิดเบือนให้เป็นข้อกฎหมาย จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ไม่รับฎีกา
โจทก์ร่วมเห็นว่า ฎีกาข้อ 2 ทั้งหมดของโจทก์ร่วมเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย เพราะคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ขัดกับพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาพิพากษา
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ระหว่างพิจารณา นายประสาท เกิดสินธ์ชัย ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และขอให้นับโทษจำเลยในคดีนี้ให้ติดต่อกับโทษที่จำเลยนี้จะได้รับในคดีของศาลนี้หมายเลขดำที่ 858/2525 และหมายเลขดำที่ 859/2525 ด้วยศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 188)
โจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 190)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่าฎีกาข้อ 2 ทุกข้อ โจทก์ร่วมยกเอาคำเบิกความของพยานมาอ้างแล้วให้เหตุผลอันเป็นความเห็นของโจทก์ร่วมสรุปว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้อง เห็นว่าฎีกาในลักษณะเช่นนี้เป็นการโต้เถียงดุลยพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share