คำสั่งคำร้องที่ 2577/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในคดีนี้ไม่เกินสองแสนบาท จึงห้ามจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ทั้งข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างก็ไม่ได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาล จำเลยเห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาทดังที่ยกคำพิพากษาฎีกาที่ 3842/2535ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกับคดีนี้ขึ้นวินิจฉัย เป็นการพิจารณาซ้ำและฟ้องซ้ำ และการที่ศาลรับฟังพยานบุคคลนำสืบหักล้างพยานเอกสารเป็นการพิจารณาคดีที่มิชอบ ล้วนเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ที่จำเลยจะฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 7553เลขที่ดิน 80 ตำบลสวนกล้วย (สังเม็ก)อำเภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษ ตามแผนที่พิพาทหมาย จ.4 ส่วนที่ระบายด้วยหมึกสีเขียว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 86) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 90)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้อที่จำเลยอ้างว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนมีเหตุสมควรรับไว้วินิจฉัย ส่วนข้อที่จำเลยอ้างว่า โจทก์นำสืบพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสารนั้น ปรากฏว่า โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของจำเลย การนำสืบพยานของโจทก์จึงเป็นการนำสืบเพื่อทำลายเอกสารโฉนดที่ดินของจำเลย มิใช่กรณีนำสืบพยานบุคคลเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร ข้อที่จำเลยกล่าวอ้างมาในฎีกาจึงมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชน ทั้งไม่ใช่กรณีที่จำเลยไม่สามารถยกขึ้นกล่าว ในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ ดังนั้น จำเลยจะฎีกาได้ต่อเมื่อ เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ เมื่อฎีกาของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อที่จำเลย เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกา จึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ที่ศาลชั้นต้น มีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลยข้อนี้ชอบแล้ว จึงให้รับฎีกาของจำเลย เฉพาะข้อ 2.5 ไว้ดำเนินการต่อไป

Share