แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ได้ยื่นฎีกาไว้ ซึ่งในระยะเวลาอันใกล้นี้จะมีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษเนื่องในวโรกาศคล้ายวันพระราชสมภพครบ90 พรรษา ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจึงมีความประสงค์ขอถอนฟ้องฎีกาเพื่อจะได้รับประโยชน์จากการอภัยโทษครั้งนี้และจะเป็นโอกาสให้จำเลยได้กลับตัวเป็นพลเมืองดีของชาติต่อไป โปรดอนุญาตและมีคำสั่งให้คดีถึงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ยื่นคำร้องนี้
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343,83 จำเลยทั้งสองได้บรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้นโดยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายบางส่วน สมควรลงโทษสถานเบา ปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 10,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว แต่ก็เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้คนละหนึ่งในสี่ คงลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 7,500 บาทจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 9 เดือน ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้เงินจำนวน 264,000 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย คำขอและข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายด้วย และให้แจ้งห้ามจำเลยถอนเงินที่วางไว้ไปยังสำนักงานบังคับคดี และวางทรัพย์ประจำศาลจังหวัดสมุทรปราการ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ (อันดับ 463,462)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 469)
คำสั่ง
อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ถอนฎีกาได้ ให้ออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดให้จำเลยที่ 2 นับแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2533 ซึ่งเป็นวันยื่นคำร้องจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ