แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่า เหตุที่รถชนกันไม่ใช่ เหตุสุดวิสัย แต่เกิดจากความประมาทเลินเล่อของนายนิคม ผู้ตาย เพราะนายนิคมไม่ได้ใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอเช่นบุคคลทั่วไป ขับรถหักหลบสุนัขที่วิ่งข้ามถนนตัดหน้าล้ำ เข้ามาในช่องทางเดินรถของฝ่ายโจทก์นั้น เป็นปัญหา ข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 77,78)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 140,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2532 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 75)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 76)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟัง ข้อเท็จจริงแล้วว่า เหตุที่รถชนกันครั้งนี้ถือไม่ได้ว่าเป็น ความประมาทของผู้ตาย แต่เป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นโดย บังเอิญจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จะ ฎีกาโต้เถียงอีกว่า เหตุที่รถชนกันไม่ใช่เหตุสุดวิสัย แต่เกิดจากความประมาทของผู้ตาย ย่อมเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน สองแสนบาทฎีกาของโจทก์จึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง