แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้ ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โดยพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 390,935บาท แก่โจทก์ แต่ศาลฎีกาไม่ได้กำหนดดอกเบี้ยให้โจทก์ จึงขอศาลฎีกาได้โปรดกำหนดดอกเบี้ยให้โจทก์ด้วย
หมายเหตุ จำเลยที่ 2 แถลงคัดค้าน (อันดับ 209) ส่วนจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นได้ประกาศหน้าศาลให้ทราบแทนการส่งสำเนาคำร้อง แต่จำเลยที่ 1 มิได้แถลงคัดค้านภายในกำหนด(อันดับ 208,210)
โจทก์ยังไม่ได้ชำระค่าคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 391,955 บาท จำเลยที่ 4ร่วมรับผิดชดใช้ในวงเงิน 25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 391,955 บาท และต้นเงิน25,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 เสียด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 390,935 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 203)
คำสั่ง
คดีนี้ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 390,935 บาทแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แปลความได้ว่า ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 รับผิดในจำนวนเงินดังกล่าวร่วมกับจำเลยที่ 4 ซึ่งจะต้องรับผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อยู่แล้วในวงเงิน 25,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ดังนั้นการที่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 4จึงมีความหมายว่า ให้ร่วมกันรับผิดตามจำนวนเงินที่กำหนดพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จด้วยตามที่จำเลยที่ 4 จะต้องรับผิดอยู่แล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์