แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218,219 จึงไม่รับ จำเลยที่ 2 เห็นว่า จำเลยที่ 2 ควรได้รับการยกเว้นโทษกักขัง เป็นรอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษ เพราะเป็นความผิดครั้งแรก ซึ่งจำเลยที่ 2 ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ซึ่งหากจำเลยที่ 2 ได้รับโทษกักขังจะทำให้จำเลยที่ 2 ต้องขาดราชการ และต้องถูกให้ออกจากงาน ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกา ข้อเท็จจริงประกอบกับข้อกฎหมายอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุกคนละ 2 เดือนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษกักขังจำเลยที่ 2มีกำหนด 1 เดือน แทนโทษจำคุก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 22) จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 23)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ศาลฎีกา เปลี่ยนโทษกักขัง เป็นรอการลงโทษ โดยกำหนดเงื่อนไข คุมความประพฤติจำเลยที่ 2 เพื่อจำเลยที่ 2 จะมิต้อง ถูกออกจากราชการนั้น เป็นฎีกาดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ ที่กำหนดโทษจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาข้อเท็จจริงฎีกาจำเลยที่ 2 จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ยกคำร้อง