แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีขัดต่อพยานหลักฐาน และคำเตือนที่ประกาศทั่วไปมิใช่คำเตือนตามกฎหมายที่จะใช้บังคับลูกจ้างเฉพาะรายได้โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 50)
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่สิทธิอันพึงมีพึงได้ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับก่อนการเลิกจ้างคืนให้โจทก์ พร้อมทั้งชำระค่าจ้างและปรับเงินเดือนอีก 800 บาทนับตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2531 หากจำเลยไม่รับโจทก์กลับเข้าทำงานให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 655,200 บาท ค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เงินบำเหน็จรางวัลประจำปีค่าจ้างค้างชำระรวมเป็นเงิน 352,716 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นให้โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 44)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 45)
คำสั่ง
อุทธรณ์ของโจทก์ที่อ้างว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีขัดต่อพยานหลักฐานนั้น พิเคราะห์แล้วศาลแรงงานกลางมิได้วินิจฉัยคดีขัดต่อพยานหลักฐานแต่อย่างใด ๆ อุทธรณ์ของโจทก์ส่วนนี้ในเนื้อแท้เป็นการโต้แย้งการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางจึงเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง มิใช่ข้อกฎหมายที่จะอุทธรณ์ได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าคำเตือนที่ประกาศทั่วไปมิใช่คำเตือนตามกฎหมายนั้น ศาลแรงงานกลางมิได้วินิจฉัยว่าโจทก์กระทำผิดซ้ำคำตักเตือน แต่วินิจฉัยว่าโจทก์ได้กระทำผิดอาญาถือได้ว่าเป็นความผิดร้ายแรง อุทธรณ์ของโจทก์ส่วนนี้จึงมิใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง