แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ทั้งสองฎีกา คดีมีทางชนะ หากศาลให้จำเลยทั้งสองถอนหลักประกันทั้งหมดที่นำมาวางไว้ต่อศาลในการขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ รวมเป็นเงิน 395,616.86 บาท ไปจากศาลในระหว่างนี้ อาจทำให้โจทก์เสียหายไม่สามารถบังคับคดีเอากับจำเลยทั้งสองเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ โปรดมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองงดการถอนหลักประกันการชำระหนี้ดังกล่าวไว้ก่อน
หมายเหตุ จำเลยที่ 2 แถลงคัดค้าน (อันดับ 142)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน382,450 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน142,450 บาทจากวันที่ 29 ธันวาคม 2527 ซึ่งเป็นวันละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสองคำขอนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 75,000 บาท ให้โจทก์ทั้งสองพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 25,000 บาท นับแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2527จนกว่าจะชำระเสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองฎีกา และยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 134,140)
ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยนำสัญญาค้ำประกันของธนาคาร 2 ฉบับ รวมเป็นเงิน 395,616.86 บาทมาวางเป็นประกันตามคำสั่งศาลไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 119,122,126) ต่อมาในชั้นฎีกาศาลชั้นต้นอนุญาตให้คืนหลักประกันดังกล่าว และจำเลยที่ 2 ได้รับคืนไปแล้ว (อันดับ 136 แผ่นที่ 2,139)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ไม่มีเหตุที่จะอนุญาตตามขอ ให้ยกคำร้อง