แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับจำเลยเห็นว่า คดีนี้มีทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายซึ่งเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงพิจารณา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 127)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 จำคุก 2 ปี คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 125)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 127)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อยคู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคแรก จำเลยฎีกาเป็นใจความว่า ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยอายุยังไม่เกิน 18 ปี และยังอยู่ในความปกครองของบิดามารดาและที่จำเลยพาผู้เสียหายไปไม่อาจถือได้ว่าโดยเจตนาจะเลี้ยงดูเป็นภริยา จำเลยจึงพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารเป็นการไม่ถูกต้องนั้น ล้วนแต่เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงส่วนฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษนั้น ก็เป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ว่าสมควรรอการลงโทษหรือไม่ จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน ฎีกาของจำเลยไม่มีปัญหาข้อกฎหมายดังที่จำเลยอ้างในคำร้องแต่อย่างใดที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของจำเลย