แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงพิเคราะห์ฎีกาของโจทก์ร่วมแล้ว เห็นว่า เป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามมิให้ฎีกา จึงไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และฎีกาข้อ 2(ก)และข้อ2(ค)เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลักฐานไม่ตรงกับคำพยานในสำนวน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ฯลฯระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 189)
โจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 190)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ไม่ว่าจะโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย ย่อมต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาทั้งสิ้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ที่แก้ไขแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ร่วมชอบแล้วให้ยกคำร้องโจทก์ร่วม