คำสั่งคำร้องที่ 2267/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับเป็นฎีกาของจำเลยที่ 2 เฉพาะข้อ 2(ก.) ส่วนข้ออื่นนอกนั้นเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248จึงไม่รับเป็นฎีกา จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาข้อ 2(ข.) ที่ว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับฟังพยานหลักฐานโดยขัดต่อพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินจำนวน19,930 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์คำขออื่นและฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยก ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 199) จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเกินกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 ประกอบมาตรา 234 ส่งศาลฎีกาพิจารณาต่อไป (อันดับ 209)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้จำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา วันที่ 3 เมษายน 2538 โดยท้ายฎีกามีข้อความว่า รอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว และศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ในวันเดียวกับที่จำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา ถือว่าจำเลยที่ 2 ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2538 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2538 จึงเกินกำหนด 15 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วย มาตรา 247 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share