แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีโจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์เป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา โจทก์เห็นว่า คดีนี้เป็นการฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนไม่ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้โจทก์ จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218,219,220,221มาใช้บังคับกรณีนี้มิได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่าจำเลยได้รับสำเนา คำร้องแล้วหรือไม่ กรณีเป็นชั้นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 มาตรา 4,6,8,61,73ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่อาจอุทธรณ์ ได้ทันภายในกำหนดเพราะต้องเสนออัยการสูงสุดรับรองอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันครบกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีพฤติการณ์พิเศษอันควรอนุญาตให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 23) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 24)
คำสั่ง โจทก์มีอำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายเวลายื่นอุทธรณ์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 216 รับฎีกาโจทก์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป