คำสั่งคำร้องที่ 2185/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งหกฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามกฎหมาย ไม่รับฎีกาจำเลยจำเลยทั้งหกเห็นว่า องค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 210 นั้น จะต้องปรากฏว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดตั้งแต่5 คนขึ้นไป แต่คดีนี้ขณะเกิดเหตุไม่ปรากฏว่ามีผู้ร่วมหรือสมคบกันกระทำผิดจำนวนเท่าไร ปัญหาดังกล่าวจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ใช่ปัญหาข้อเท็จจริง และเมื่อโจทก์สืบไม่สมฟ้องว่าขณะเกิดเหตุมีผู้กระทำผิดร่วมกันหรือสมคบกันเป็นจำนวนตั้งแต่5 คนขึ้นไป การลงโทษจำเลยทั้งหกจึงยังไม่ชอบด้วยกฎหมายปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งหกไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 210 จำคุกคนละ 1 ปี ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 วรรคหนึ่ง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งหกฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 88)
จำเลยทั้งหกจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 90)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยสมคบกันมีจำนวนคนเท่าใดเพื่อกระทำความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์บุคคลอื่น การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 คำสั่งศาลชั้นต้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share