คำสั่งคำร้องที่ 215/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์เพียงแต่ระบุวรรคมาตราความผิดและบทกำหนดโทษให้ชัดเจนโดยคงลงโทษจำคุกจำเลยกำหนด 2 ปี เช่นเดียวกับศาลชั้นต้นฎีกาข้อ 2 และข้อ 3 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ส่วนฎีกาข้อ 4 ที่ว่าฟ้องเคลือบคลุมแม้เป็นฎีกาข้อกฎหมายแต่ก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ฎีกาข้อ 2.1และ 2.2 เป็นปัญหาของพยานบอกเล่าซึ่งรับฟังไม่ได้และผู้เสียหายให้การขัดแย้งกับในสาระสำคัญแห่งคดีฎีกาข้อ 3 คำให้การพนักงานสอบสวนไม่ได้รู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เป็นพยานบอกเล่ารับฟังในคดีไม่ได้ ส่วนฎีกาข้อ 4 ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเป็นปัญหาต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 65)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3)(7)(8) ประกอบมาตรา 336 ทวิ จำคุก 3 ปี คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวินอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 62)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 65)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ข้อ 2.1,2.2 และ 3 จำเลยฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาข้อ 4 ที่ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะไม่ระบุยี่ห้อและหมายเลขของวีดีโอของกลางนั้นแม้จะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แต่ก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share