แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับ จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาเกี่ยวกับการ ใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษ หาใช่เป็นฎีกาเกี่ยวกับปัญหา ข้อเท็จจริงไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 48) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง,75 วรรคหนึ่ง,76 วรรคสอง,102 การกระทำของจำเลย เป็นความผิดหลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 2 ปี ฐานจำหน่ายกัญชา จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ของกลางริบ และคืนธนบัตรจำนวน 100 บาท ที่ใช้ในการล่อซื้อ แก่เจ้าของ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 47) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 48)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้ คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง