คำสั่งคำร้องที่ 2104/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ ทุนทรัพย์ที่พิพาทยังไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความ ฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริง และฎีกาของจำเลยที่ 2 ในข้อ 2 เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยที่ 2 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ว่าศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับฟังพยานหลักฐานและวินิจฉัยนอกเหนือไปจาก พยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย อันเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 154) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 2330 ตำบลดอนสักอำเภอดอนสักจังหวัดสุราษฎร์ธานี ของจำเลยทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินพิพาทบริเวณด้านทิศใต้ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 178ตำบลดอนสักอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และห้ามจำเลยทั้งสองกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 150) จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 152)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 3รับฟังพยานหลักฐานและวินิจฉัยนอกเหนือไปจากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนเป็นการรับฟังพยานหลักฐานโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้วปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 3หาได้รับฟังพยานหลักฐานและวินิจฉัยนอกเหนือไปจากพยานหลักฐาน ที่ปรากฏในสำนวนตามที่จำเลยที่ 2 ฎีกาไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 2 จึงเป็นเรื่องโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งยุติและต้องห้ามฎีกา เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย จึงมีผลอย่างเดียวกับ การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share